พระบรมศาสดา ทั้งนิพพานเป็น

         

       บทความเคล็ดลับ

       วิชาใจจักรวาลสุดยอดของวิชาธรรมกาย เป็นวิชชาชั้นสูงผู้ที่จะเดินวิชชาหลักใจจักรวาลนี้
ได้ต้องแก่กล้าในวิชชาธรรมกาย เพราะเป็นวิชชาไล่ล่า ดับต้นหัวใจเครื่องสูงสุดของมาร
   
       หลักวิชชาใจจักรวาล
 ขั้นพื้นฐานของ  "วิชชาหนึ่งเดียวกับจักรวาล"
       การเดินวิชชา โดยการส่งใจร้อยใส้ไปกลางทุกใส้กลาง จุดกำเนิดเดิมของ-ดวงเห็น -ดวงจำ
 -ดวงคิด -ดวงรู้ -ดวงกาย -ดวงใจ -ดวงจิต -ดวงวิญญาณ -ดวงญาณทัศนะ -ดวงนิโรธ -ดวงมรรค
  -ดวงสมบัติ -ดวงตรัสรู้ -ดวงปกครอง -ดวงคำนวน ตลอดสุดหยาบสุดละเอียด สุดละเอียดสุด
 หยาบ ของ
            18 กายต้นสุดหยาบสุดละเอียด สุดละเอียดสุดหยาบ
            18 กายกลางสุดหยาบสุดละเอียด สุดละเอียดสุดหยาบ
            18 กายปลายสุดหยาบสุดละเอียด สุดละเอียดสุดหยาบ
  ของแต่ละกายในชุด กายสุดหยาบสุดละเอียด สุดละเอียดสุดหยาบ ของ 18กายสุดหยาบสุด
  ละเอียดสุดละเอียดสุดหยาบ (เดินวิชชารอบละ 1 กาย)
           
            กายทั้งหมดมี 18กาย
      กายโลกีกายหยาบ 4 กาย          กายโลกีกายละเอียด 4 กาย
      กายกึ่งๆพระกายหยาบ 1กาย      กายกึ่งๆพระกายละเอียด 1กาย
      กายพระกายหยาบ 4กาย            กายพระกายละเอียด 4กาย
  และกายของกายมนุษย์พิเศษพุทธดชติปัญญาสุดเหตุไม่ถ้วนจุลจักร มหาจักร บรมจักร
  อุดมบรมจักรและอุดมบรมพุทธจักรสูงสุด
   ณ.ใส้กลางของทุกกลางจุดกำเนิดเดิมของทุกปวงทุกกาย


        โอวาทของหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ

         เทศน์ในโอกาสวันเกิด เมื่อ  7  ตุลาคม  2498ตรงกับวันแรม 6 ค่ำ เดือน 10
ผู้ที่ฟังรู้เรื่องจะต้องเป็นวิชชาธรรมกายชั้นสูง  เพราะเรื่องที่แสดงเป็นเรื่องปราบมาร ไม่
ใช่ความรู้ธรรมดาทั่วไป   
(1.) ผู้เทศน์เกิดวัดศุกร์ ปีวอก บวชมา 50 พรรษา  ค้นคว้าธรรมะเรื่อยมา   การออกธุดงค์  
ใจเป็นมรรคผล  สงบ  สมาธิ  เป็นทาง       รู้ว่าเป็น  อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  เป็นปัญญา(ไม่ใช่ธรรม)
หลวงพ่อฯปฏิบัติธรรมตลอดที่บวชมา 50 พรรษา 
       การออกธุดงค์ทำให้ใจสงบ  ดวงธรรมที่ทำให้เป็นพุทธรัตนะ   หลวงพ่อฯเห็นมาเกือบ 50 ปีแล้ว
  คือเห็นธรรมหลังจากบวชได้ไม่นาน   การเห็นธรรมเช่นนี้ทำได้ด้วยการปฏิบัติเท่านั้น  ตำราไม่มี  
 แต่หลวงพ่อฯเป็นคนจริงทำความเพียรทางใจ  อธิษฐานใจว่า  ไม่เห็นธรรมอย่างที่พระบรมศาสดาทรงเห็นแล้ว  “ขอให้ตายไปเถิด”    อยู่ไปก็เปลืองข้าวชาวบ้าน  แล้วหลวงพ่อฯก็เห็นธรรม  ธรรมที่ว่านี้คือ  “ธรรมกาย”  นี่คือประวัติของท่าน


แต่ครั้งเป็นพระลูกวัดของวัดโพธิ์นั้น  ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดโบสถ์บน  จังหวัดนนทบุรี  และไปเห็นธรรมที่วัดโบสถ์บน  เป็นประวัติยอมตายถวายชีวิตครั้งที่สองของท่าน  ส่วนประวัติยอมตายถวายชีวิต
ครั้งแรกของหลวงพ่อฯ  คือตอนที่อยู่วัดโพธิ์   เป็นพระลูกวัดไปบิณฑบาตแล้วไม่ได้ข้าว   หลวงพ่อฯ
ไม่มีข้าวฉัน   พลวงพ่อฯยอมตายทีเดียว
    (2.) ดวงธรรมที่ทำให้เป็นพุทธรัตนะ  ผู้เทศน์รู้จักเกือบ 50 ปี   (ตำราไม่มี)   โดยการค้นคว้าปฏิบัติ
ดีที่สุด   คือพระพุทธเจ้า   แต่อ่อนกว่า  ชั่วที่สุด   คือมาร   แข็งกว่าพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าฝ่ายดีคือภาคขาวหรือเรียกภาคกุศล  ฤทธานุภาพอ่อนไปสู้พระพุทธเจ้าฝ่ายชั่วไม่ได้   พระพุทธเจ้าฝ่ายชั่วหรือเรียกว่าฝ่ายมารหรือฝ่ายอกุศล  เขามีฤทธานุภาพมากกว่าพระพุทธเจ้า
ภาคขาว  
ผู้เทศน์มารู้ตัวเมื่อบวชแล้วว่า  “ต้นธาตุ”  (คือพระพุทธเจ้าองค์แรก   ขณะนี้อยู่บนอายตนะนิพพาน)
  ใช้ให้จุติมาเกิดเพื่อปราบมาร  (ไม่ให้เจ็บ  ไม่ให้แก่  ไม่ให้ตาย)  ถ้ามารไม่แพ้ผู้เทศน์ยอมตายอยู่วัด
ปากน้ำฯ
         สรุปว่า  (ในอดีตที่ผ่านมา) ภาคขาวสู้ภาคมารไม่ได้   เพราะเหตุนี้เอง   ต้นธาตุคือพระพุทธเจ้า
องค์แรก   ส่งหลวงพ่อฯมาเกิดเพื่อให้มาทำวิชชาปราบมาร   เพื่อให้ภาคขาวชนะภาคดำ   หลวงพ่อฯรู้เรื่องนี้ในตอนที่หลวงพ่อฯเห็นธรรมกายแล้ว  รู้เห็นด้วยวิชชาธรรมกาย   ถ้าไม่เป็นธรรมกายก็ไม่รู้เรื่อง
ว่า   มาเกิดทำไมเหมือนกัน !   หลวงพ่อฯเข้ากายธรรมไปในนิพพาน   พระพุทธเจ้าท่านบอกเรื่องราว
จึงได้รู้  !

  ท่านคงอยากทราบต่อไปว่า  ปราบมารเขาทำกันอย่างไร ?  นี่เป็นวิชชาธรรมกายชั้นสูง  ต้องศึกษาเล่าเรียนกันมากมาย  ให้เริ่มจากการอ่านหนังสือปราบมารเล่ม 1 ถึง เล่ม 6

                                 โดยอาจารย์ วิบูลย์ รัตนพงษ์วัฒนา  //ห้องพระมงคลมุฯี
                    ข้าฯผู้นำมาลงไม่ต้องการให้ปราบใคร อ่านดูเป็นความรู้
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

         เครื่องที่ศูนย์กลางนิพพาน  

      ทำหน้าทึ่ส่งกายธรรมออกไปประจำอยู่ตามบริเวณนิพพาน   เดินจากเครื่องศูนย์กลางนิพพาน
คราวนี้มากล่าวถึงพระพุทธเจ้าที่เข้านิพพานไปก่อน   ท่านก็อยู่ประจำ  ณ  ที่นั้น  
      ส่วนองค์ใดได้เข้านิพพานในภายหลังก็ล้อมรอบเครื่องออกมาโดยเวียนขวา   เมื่อเต็มรอบที่  1 
 แล้วก็มีรอบที่  2  ต่อไป   ระยะหนึ่ง ๆ ห่างกันประมาณชั่วถึงฌานของพระพุทธเจ้าที่ประจำอยู่ใน
รอบของตน ๆ 


กล่าวถึงเวลาที่กายธรรมที่อยู่ศูนย์กลางนิพพานนั้น   เห็นได้ตลอดทุกอย่างที่มีอยู่ในนิพพาน   แต่เครื่องที่รับส่งกายนั้นหาเห็นไม่   เพราะเครื่องละเอียดกว่า  เวลาที่ผ่านเครื่องต่าง ๆ นั้น กายธรรม
จะไม่รู้สึกเลย   ทั้งนี้   เนื่องจากความเร็วของเครื่องที่เดินรับส่งนั้นเอง   เวลาที่กายธรรมดับตกศูนย์นั้นเอง   เป็นตอนที่ถอดกายออก   ความรู้สึกของกายธรรมมีอยู่ในตอนที่ปล่อยขาดหมด   แล้วก็ไปรู้เอา
ตอนที่ถึงนิพพานแล้ว   นี่เป็นวิธีเข้านิพพานตายของนิพพานถอดกาย   ส่วนการเข้านิพพานเป็นนั้น   ก็ตรงกันทุกอย่าง   ผิดกันแต่กายทุกกายไม่ได้ดับ   เพราะซ้อนตรงกายธรรมหมด   ตลอดถึงนิพพานก็
ซ้อนตรงกัน
      ส่วนของนิพพานไม่ถอดกายนั้น   เวลาเดินสมาบัติ  ก็เดินพร้อมกันหมดทุกกาย   ปล่อยเข้านิพพานพร้อม ๆ กันทุกกาย   แต่กายนี้ไม่ดับทุกกาย   เดินสมาบัติในตอนต้น  เข้านิพพานเป็นแล้ว   เดินสมาบัติในนิพพานเป็นแล้วเข้านิพพานตายต่อไป
ในทำนองเดียวกัน   เราเดินวิชชาลงไปในพวกนี้   กายทุกกายเข้านิพพาน   ทั้งนิพพานเป็นทั้งนิพพานตายของนิพพพานถอดกาย   ไปจนสุดนิพพานถอดกาย   นิพพานเป็นในนิพพานเป็น   นิพพานตายในนิพพานตาย   พอสุดแล้วก็เข้านิพพานไม่ถอดกาย   นิพพานเป็นในนิพพานเป็น   นิพพานตาย
ในนิพพานตาย   ซ้อนพิสดารสมาบัติหนักลงไปเดินให้เร็ว 

ในขณะเดียวกัน   กายมนุษย์ก็ซ้อนละเอียดเข้า   เดินวิชชาในกายละเอียดเหล่านี้  กายละเอียดเหล่า
นี้  จะได้สะอาดทันกับกายละเอียดพวกโน้น  โดยให้  ต่อเห็น  จำ  คิด  รู้  ต่อแว่น  ต่อกล้อง   ส่องรอบตัว   ประกอบวิชชาเต็มส่วนลงไป   ในพวกละเอียดพวกโน้น   นิพพาน   ภพ  3   โลกันต์ของพวกโน้นมีอย่างไร   ให้เดินวิชชาซ้อนเข้าไปด้วย   เดินวิชชาเข้านิพพานแบบเดียวกันจะได้สะอาดเต็มส่วนทัน
พวกที่ละเอียด  ของ  เห็น  จำ  คิด  รู้  ละเอียดหนักลงไปเป็น  “วิชชาเป็น”  ไม่มีถอยหลังกลับ  ทับทวี
ยิ่งขึ้นทุกที  
                                                       

                                              โดยอาจารย์ วิบูลย์ รัตนพงษ์วัฒนา  //ห้องพระมงคลมุนีฯ
      ข้าฯผู้นำมาลงต้องการให้อ่านดูเป็นความรู้ เพียงบางตอน ความรู้เหล่านี้ไม่สามารถฝึกโดยขาดผู้รู้ได้




พุทธศาสดา
https://www.youtube.com/watch?v=eCEYNwjyf5w&feature=youtu.be

เรื่องนี้นำมาให้ฟังและศึกษาคำสอนและการปฏิบัติ 
ที่ฟังแล้วเข้าใจได้ง่ายๆ หากไม่เข้าใจฟังซ้ำๆปัญญาจะเกิด


หยุดโหยหาอดีต อย่าวิตกกับอนาคต
 /ความเกลียดชนะ ความเกลียดไม่ได้
https://www.youtube.com/watch?v=KYIPGM07zQA&feature=youtu.be

อดีตไม่ใช่สิ่งที่ควรยึดติด เหนี่ยวรั้ง (องคุลีมาล(อหิงสะกะ))
ปัจจุบันจะเป็นตัวกำหนด เช่น  ก้อนกรวด และเนย
ความรักเท่านั้นที่ ชนะความเกลียดได้


กล่าวเป็นนัย ให้คิดและเข้าใจเรื่่องนิพพานเป็น
 (นิพพานแล้วไม่ถอดกาย หรือมีชีวิตอยู่)
https://www.youtube.com/watch?v=fEbn6xTHL_4

ที่กล่าวเช่นนี้ คือ
     พระพุทธองค์ แม้นิพพาน แล้วจะรักษาชีวิตต่อไปได้อีกยาวไกล ดั่งที่พุทธเพียรพยายาม 
ให้อานนท์ ทูล ขอให้ไม่ดับขันนิพพาน แต่อานนท์ไม่เข้าใจ มาระลึกทูลขอหลังจากพุทธ ได้
รับสัตยากับมารคำรบสองเสียแล้ว จึงไม่รับอนุโมทนานั้น     ด้วย พุทธ ภาวนาเข้าดับขันแล้ว 
เมื่อฟังแล้วให้คิดว่า พุทธ ไม่ได้รับดับขัน ตามกรรม.....ที่เราท่านพูดและรู้ ตามๆกันมา
    พุทธ ต้องดับขัน เพื่อรักษาศิลข้อที่ 4   ด้วยข้อตกลงให้ พทธ มีอายุ เพียง 80 พรรษา
ครั้งเมื่อทรงตรัสรู้ ใหม่ๆ มีมารมาก่อกวน องค์พุทธ คือพระไม่ปราถนาชนะมารแบบดับมาร
   
 1.มาร ไม่ใช่กรรม ที่เราต้องต่อสู้ (มารคือพุทธฯ ภาคดำ )
-พุทธฯภาค ดำ ไม่ชอบทำงาน
-พุทธฯภาคกลางๆ นั้น เป็นได้ทั้งดี  และไม่ดี
-พุทธฯภาคขาว นั้นมี ศิล สมาธิ ปัญญา สร้างบุญบารมี ภาคขาว มักถูกขโมยบูญ อยู่เรื่อยๆ

2.อายุคนไม่ได้มีอายุเพียง 80 ปี แล้วมาเตรียมตัวตาย ตั้งแต่ 50 , 60 ,70 ,(90 แก่ไป) ดูหลวง
ปู่สรวง ที่ไม่มี ใครรู้ว่าอายุเท่าไหร่ มีคนเห็นมาหลายรัชกาล



การสร้างบารมีไม่หยุดหย่อน

การสั่งวิชชาให้แต่ละกายตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้านั้น  คือการสั่งวิชชาให้กายธรรมดับปิฎกธาตุปิฎกธรรมปิฎกนามธรรมของมารให้ได้ ครั้งละ  84,000  พระธรรมขันธ์  84,000  ศูนย์
                     
                แต่ละครั้งจะยังผลให้กายธรรมของผู้ฝึกขยายโตใหญ่ขึ้น 20  วาเสมอไป   แต่ขนาดที่โตใหญ่นี้ยังเป็นแบบสัมพัทธ์   ถ้าจะให้เป็นจริงสัมบูรณ์ต้องสร้างบารมีกำกับไม่หยุด
                      ให้โหลดไฟล์เสียงของท่านอาจารย์คุณลุงการุณย์   บุญมานุช  มาฟัง   ตอนเริ่มเดินวิชชาจะอาราธนากายมนุษย์พิเศษของท่านอาจารย์คุณลุงมาช่วยคุมวิชชาให้เรา   กายมนุษย์พิเศษของท่านอาจารย์คุณลุงคือกายปราบมารของผู้ปกครองใหญ่  เรียกว่าในแสนโกฏิจักรวาลอนันต์ในอนันต์ฺจักรวาลของภาคบุญกายนี้เก่งที่สุดนะ ครับ
                    วิธีการเดินวิชชา   ให้เปิดไฟล์เสียงของท่านอาจารย์คุณลุงการุณย์ฟัง  แล้วเราท่องตามไปในใจทุกคำพูดโดยไม่ต้องออกเสียง  ทำไปตลอดเวลาทั้งหลับตาลืมตา   ทั้งทำงาน  ทั้งขับรถ   ทั้งทำธุระุ  ตามที่หลวงพ่อวัดปากน้ำฯท่านบอก   ไม่ว่ากำลังขี้  เยี่ยว  เปิดฟังใจท่องตามตลอดเวลา   ให้ทำจนติดเป็นนิสัย   เรียกว่าฝังให้เป็นสันดานของเราเลย  แล้วสิ่งมหัศจรรรย์จะเกิดแก่ทุกท่าน  ใจท่ีานจะเกิดรสทิพยืฬนธรรม   อายตนะแก้วตา  แก้วหู  แก้วจมูก  แก้วลิ้น  แก้วกาย  แก้ัวใจของท่าน  จะเป็นทิพย์ในธรรม
                       
 ใจท่านจะเกิดรสทิพย์ในธรรมวิเศษ  ยิ่งฝึกยิ่งแก่กล้า
                    สิทธิเฉียบขาดของทั้ง  18  กายของท่านจะรวมเป็นหนึ่งที่กายมนุษย์หยาบ  อานุภาพเพิ่มขึ้น  18 เท่าคูณ 200  เป็นอย่างน้อย
                      ขั้นต่อไปให้ตัั้งใจให้มั่นว่า  มีโอกาสเมื่อไหร่ต้องสอนธรรมทันที   สอนใครก็ได้ที่เปิดโอกาสให้เราสอน   ใครเข้าใกล้เราแสดงว่าดวงบารมีของเราดูดเขาเข้ามา   บุญเขากำลังขึ้นสู่กระถแสสูง  ให้สอนทันที   พอสอนเสร็จบารมีของเราก็อัพเกรดขึ้นทันที
                         นี่เป็นที่ว่าของวลีที่ว่า  "วันนี้เราเก่งมากแล้ว   แต่พรุ่งนี้เราจะเก่งกว่านี้อีก"
                    รู้ทางลัด  รู้วิธํีอัพเกรดวิชชา  อัดเกรดบารมีของเราแล้ว  ถ้าไม่ทำก็พูดได้เต็มปากเลยว่า  "ชาตินี้ไม่สว่างสำหรับเราเลย"
                       สำหรับเรื่องการอธิษฐานบารมีนั้น  ผมขอนำเอาข้อเขียนของท่านอาจารย์คุณลุงการุณย์   บุญมานุช  มาให้อ่านเป็นการปูพื้นความรู้ไว้ก่อนดังนี้ครับ

                     การอธิษฐานบารมีอย่างอื่น ๆ  ถ้าไม่ครอบคลุมเนื้อหาให้ใจแจ้งเข้า ณ  กลางของทุกไส้กลางมรรคผลเอกายนมรรคนั้น  ล้วนแต่มีมารชักจูงทั้งสิ้นนะครับ
                    ในวันพุธที่ 27 กพ.2562  จะได้บรรยายให้ละเอียดเพิ่มขึ้นนะครับ
                    สำหรับในวันจันทร์ที่  25  กพ.2562  ผมจะได้บรรยายเรื่อง รัตนะเจ็ดชั้นสูง  นะครับ  คือนอกจากเราจะไปขอรับรัตนะเจ็ดจากพระสมณโคดมพุทธเจ้าซึ่งยังคงเป็นเจ้าของศาสนาในปัจจุบันนี้   ต้องสร้างบารมีให้แก่กล้าขึ้นจนเราได้รับครบทั้ง เจ็ดอย่าง
                       จากนั้นเราต้องปรุง
                       ให้รัตนะทั้งเจ็ดนั้นเก่งขึ้นจนเหนือมารต่อไป   แต่จะปรุงอย่างไร   และจะต้องประสานกับกายใดในการไปปราบมาร  จะได้อธิบายในวันจันทร์  ที่  25  กพ.2562  ในเวลา 20.00 น.นะครับ
2019.02.26 วันอังคาร
                      เรียนญาติธรรมทุกท่านนะครับ  วันนี้จันทร์ที่  25 กพ.2562  ในเวลา  20.00 น.ขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วมฟังธรรมบรรยาย  ในวันนี้จะอธิบายเรื่องรัตนะเจ็ด  และกำเนิดของกายสิทธิ์  และจักรพรรดิ   แล้วร่วมเดินวิชชา  18  กายขึ้นนิพพานไปสุดองค์ต้นปราบใหญ่นะครับ  พร้อมกันนี้ผมได้ส่งความรู้เพิ่มเติมมาให้อ่านครับ
                        “วิชชาดับหยาบไปหาละเอียดสัตตะรัตนะอุดมบรมสิทธิสูงสุด
รวมกลั่นทบต้นทับทวีอัตราก้าวหน้าสูงสุด”
กล่าวถึงรัตนะเจ็ด คือม้าแก้ว  ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว  ดวงแก้วมณีโชติ และจักรแก้ว ที่องค์พระสมณโคดมพุทธเจ้าประทานให้แก่ผู้เป็นธรรมกายนั้น   มีทั้งจุลจักร  มหาจักร  บรมจักร   อุดมบรมจักร  อุดมบรมพุทธจักรสูงสุด  บางท่านได้ครบทั้ง  7  ประการ  แต่บางท่านก็ได้ไม่ครบ   ขึ้นอยู่กับการสร้างบารมีของท่าน
                             ต่อไป  ให้เราน้อมใจอาราธนาถึงทะเลในทะเลของมหาอนันต์ทะเลแฝดกองทัพ   แต่ละกองทัพเป็นทะเลในทะเลของมหาอนันต์ทะเลแฝด “กายมนุษย์พิเศษพุทธโชติปัญญา  สุดเหตุไม่ถ้วนจุลจักร  มหาจักร  บรมจักร  อุดมบรมจักร  อุดมบรมพุทธจักรสูงสุด”   (นี่เป็นกายมนุษย์พิเศษที่ปรุงสำเร็จไว้แล้วมีฤทธิเดชานุภาพเหนือกว่ามาร)
                          กลั่นกายมนุษย์พิเศษทั้งปวงให้เป็นหนึ่ง
1.นึกส่งใจของเราให้ร้อยไส้ผ่านปลายจมูก  เพลาตา  หญิงซ้ายชายขวา   จอมประสาท  ผ่านปากช่องลำคอลัดฐานลงไปในท้องของ “กายมนุษย์พิเศษพุทธโชติปัญญา  สุดเหตุไม่ถ้วนจุลจักร  มหาจักร  บรมจักร  อุดมบรมจักร  อุดมบรมพุทธจักรสูงสุด”  ให้ ครบหมดสุดจนเลย ทั้งปวงทุกกาย ให้ถูก ณ กลางของทุกไส้กลางจุดกำเนิดเดิมกลางดวงธรรมของทุกกาย อธิษฐานให้เป็นเซฟ มรรค แก๊ส  กรด ไอ อัสนีธาตุ   ไปจนตลอดสุดหยาบสุดละเอียด   อย่างเหนือกาลเวลา  เหนือปฐมกาล  เหนืออนันต์กาล
 2.ท่องใจ นิ่งในนิ่ง ๆ ๆ  ไป ณ กลางของทุกไส้กลางจุดกำเนิดเดิมของ “กายมนุษย์พิเศษพุทธโชติปัญญา  สุดเหตุไม่ถ้วนจุลจักร  มหาจักร  บรมจักร  อุดมบรมจักร  อุดมบรมพุทธจักรสูงสุด” ที่ถึงแล้ว   ถึงอยู่   และที่จะถึงต่อไป  อย่างเหนือกาลเวลา   เหนือปฐมกาล   เหนืออนันต์กาล
3.น้อมใจไป  ณ  กลางของทุกไส้กลางจุดกำเนิดเดิมของ “กายมนุษย์พิเศษ  สุดเหตุไม่ถ้วนจุลจักร  มหาจักร  บรมจักร  อุดมบรมจักร  อุดมบรมพุทธจักรสูงสุด”  ของธาตุธรรมทุกสี  ทุกสาย  ทุกกาย  ทุกองค์  ทุกวงศ์  ทุกชั้น  ทุกตอน  ทุกธาตุ  ทุกธรรม  อย่างเหนือกาลเวลา   เหนือปฐมกาล   เหนืออนันต์กาล
  4.ดับหยาบไปหาละเอียด  นับอายุธาตุอายุบารมีไม่ถ้วน  ของทุกที  ทุกสาย  ทุกกาย  ทุกองค์  ทุกวงศ์  ทุกชั้น  ทุกตอน  ทุกธาตุ  ทุกธรรม  อย่างเหนือกาลเวลา  เหนือปฐมกาล   เหนืออนันต์กาล  สุดที่จะนับจะประมาณได้
5.ดับหยาบไปหาละเอียดเรื่อยไปไม่ถอยหลังกลับ   จนถึงเหตุไม่ถ้วนนั้นเป็นว่าง
6.ดับหยาบไปหาละเอียดไม่ถ้วนเหตุอากาศของทุกสี  ทุกสาย  ทุกกาย  ทุกองค์  ทุกวงศ์  ทุกชั้น  ทุกตอน  ทุกธาตุ  ทุกธรรม  อย่างเหนือกาลเวลา  เหนือปฐมกาล  เหนืออนันต์กาล
  7.เมื่อนิ่งดีแล้ว  ให้นึกรวมกลั่น  “กายมนุษย์พิเศษพุทธโชติปัญญา  สุดเหตุไม่ถ้วนจุลจักร  มหาจักร  บรมจักร  อุดมบรมจักร  อุดมบรมพุทธจักรสูงสุด”  ทั้งปวงให้เป็นกายเดียว  ใสเป็นแก้ว  แวววับ  รัศมีโชตช่วง
                  เหตุเพราะว่าการแสวงหาสิทธิในทางธรรมนั้น   ไม่ใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ประหัตประหารกันเช่นนั้น   ใช้สมาธิจิตหรือจิตตานุภาพที่หยุดนิ่งจนละเอียดไม่มีสิ้นสุดที่เรียกว่า  “อนัตญาโณ”   นับเป็นเครื่องหาสิทธิ   คือเอากายทั้งหมดทุกกายตลอดวงศ์สายขาว   วงศ์สายกลาง   และสายดำ   ทั้ง   เถา-ชุด-ชั้น-ตอน-ภาค-พืด   มาซ้อนสับทับทวีเข้าในกายมนุษย์พิเศษ   กลั่นให้ใสสะอาดดี   แล้วเอาจุลจักรกับพวกบริวารพร้อมด้วยสมบัติรัตนะ  7  ประการ   และมหาจักร บรมจักร  อุดมบรมจักร  อุดมบรมพุทธจักรสูงสุด กับพวกบริวารพร้อมด้วยสมบัติรัตนะ  7  ประการ  ของทุก ๆ กาย  ตลอดวงศ์สายขาว   สายกลาง   ทั้งกาย  เถา-ชุด-ชั้น-ตอน-ภาค-พืด   มาซ้อนสับทับทวีเข้าในรัตนะ  7  ประการนั้นทั้ง  7  อย่าง   หรือเฉพาะอย่างเดียวก็ได้  คือ   เมื่อเอารัตนะอย่างหนึ่ง  อีก  6  อย่างก็คงมารวมในรัตนะอย่างเดียวนั้นทั้งหมด  เช่น  จะรวมในจักรแก้ว  รัตนะอีก  6  อย่างก็รวมในจักรแก้วหมดทุกอย่าง   สุดแท้แต่จะต้องการ   แล้วกลั่นให้ใสทั้ง  7
                 แล้วให้“กายมนุษย์พิเศษพุทธโชติปัญญา  สุดเหตุไม่ถ้วนจุลจักร  มหาจักร    บรมจักร   อุดมบรมจักร    อุดมบรมพุทธจักรสูงสุด”   ที่กลั่นรวมเป็นกายเดียวนั้น มือ
                 ขวาถือจักรแก้ว  มือซ้ายถือดวงแก้วมณีโชติ   ม้าแก้ว  ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว   นางแก้ว   ซ้อนสับทับทวีอัดเข้าไปในกายมนุษย์พิเศษ   ให้กายใสเป็นแก้ว    แล้วพิสดารรัตนะเจ็ดออกไปตามแต่จะต้องการใช้
  1.ถ้าจะให้สว่าง  ก็เอารัตนะ  7  นั้น   รวมเข้าในดวงแก้ว   แล้วกลั่นเข้าในแว่นในกล้องสำหรับส่องให้ชัด
2.จะให้เป็นพาหนะ  ก็เอารัตนะ  7  นั้น รวมเข้าในช้างแก้ว  ม้าแก้ว สำหรับขับขี่
3.จะให้เป็นสมบัติ  ก็เอารัตนะ  7  นั้น  อัดรวมเข้าในขุนคลังแก้ว   แล้วให้เป็นสมบัติต่าง ๆ ขึ้น
  4.จะให้เกิดกำลัง   ก็เอารัตนะ  7  นั้น  อัดรวมเข้าในขุนพลแก้ว  ทำให้เกิดพละกำลังในกิจการนั้น ๆ 
5.ถ้าจะให้เป็นสุขสบายและเป็นที่รักของคน   ก็เอารัตนะ  7  รวมเข้าในนางแก้ว   ทำให้เป็นที่รักที่ชอบของคนอื่น ๆ  และเป็นสุขสบาย
6.ถ้าจะให้เกิดอำนาจและเป็นที่เกรงขามและเกิดฤทธิ์   ก็เอารัตนะ  7  นั้นอัดรวมเข้าในจักรแก้ว   แล้วใช้จักรแก้วไปตามปรารถนา
          เมื่อกายมนุษย์พิเศษพุทธโชติปัญญา  สุดเหตุไม่ถ้วนจุลจักร  มหาจักร    บรมจักร    อุดมบรมจักร    อุดมบรมพุทธจักรสูงสุด  มือขวาถือจักรแก้ว   มือซ้ายถือดวงแก้วมณีโชติ   และแก้วอีก 5  นั้นกลั่นเข้าในกายมนุษย์พิเศษ   จนใสสะอาดบริสุทธิ์ดีแล้ว   จงเดินเครื่องเข้าไปใน  “หัวใจเครื่องของสิทธิ”   ร้อยไส้หัวใจเครื่องสิทธิเข้าไปเป็นลำดับ ๆ   ไม่ถอยหลังกลับ   ละเอียดเข้าไปแก่เข้าไปทุกที  เข้าไปใน “หัวใจเครื่องทะเลสิทธิ”   ของ  “เหตุทะเลในทะเลสิทธิ”   ละเอียดหนักเข้าไปไม่ถอยหลังกลับ   แก่เข้าไปเท่าไร ?   ละเอียดเข้าไปเท่าไร ?   ร้อยไส้เครื่องสิทธิเข้าไปได้เท่าไร ?  ก็ชื่อว่า  “ได้ธาตุธรรมเป็นสิทธิเท่านั้น  ๆ   และได้อำนาจปกครองบังคับธาตุธรรมได้แค่นั้น ๆ”     ทำเช่นนี้ไปเป็นลำดับ ๆ   จนกว่าจะยึดสิทธิในธาตุธรรมได้ทั้งหมด   ถ้ายึดสิทธิธาตุธรรมได้ทั้งหมดแล้ว   ก็เอา “บรมพุทธจักรสูงสุดมาใช้ได้”    เมื่อใช้บรมพุทธจักรสูงสุดได้แล้ว   ก็มีอำนาจบังคับให้เกิดบุญศักดิ์สิทธิ์และบาปศักดิ์สิทธิ์ได้สมใจนึก  ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคขัดขวาง
 เพราะเหตุนี้  หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ (สด  จันทสโร -  พระมงคลเทพมุนี) จึงอุตสาห์พยายามยิ่งนักทุกคืนวัน  เป็นเวลาประมาณ  30  ปี   เพื่อจะยึดสิทธิมาสร้างความสุขให้แก่สัตวโลกทั่วไป   ตลอดทั้งแสนโกฏิจักรวาล   อนันต์จักรวาลทั้งสิ้น  โดยไม่ถอยหลังกลับ  ต่อมาท่านอาจารย์คุณลุงการุณย์  บุญมานุช   ได้รับช่วงทำวิชชาปราบมารต่อมาจนท่านมรณภาพเมื่อปลายปี พ.ศ.2560  รวมเป็นเวลาอีก 33  ปี
04:59 wanฎา#_# พระพุทธเจ้า   ประปัจเจกพุทธเจ้า   พระอรหันต์ขีณาสพทั้งหลาย   สร้างบารมีมาองค์ละมาก ๆ  นับด้วยอสงไขย   ก็เพื่อจะยึดสิทธินี้เอง   เพราะสิทธิเป็นตัวสำเร็จ   สิทธิทางโลกยึดได้ด้วยกำลังศัสตราวุธ    ส่วนสิทธิทางธรรมยึดได้ด้วยบารมีเท่านั้น   นอกจากบารมีแล้วยึดไม่ได้
ต่อไปจะเป็นวิชชาที่ตรัสรู้ขึ้นมาในยุคปัจจุบันนี้

 ยุทธศาสตร์ที่ 1
ให้ม้าแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว  ดวงแก้ว จักรแก้ว  ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30 และ“รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ ของม้าแก้ว
ให้ช้างแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมม้าแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว  ดวงแก้ว จักรแก้ว     ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม     ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30  และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของช้างแก้ว
        ให้ขุนพลแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมม้าแก้ว  ช้างแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว  ดวงแก้ว จักรแก้ว  ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม   ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวม
              ดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของขุนพลแก้ว
ให้ขุนคลังแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมม้าแก้ว  ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  นางแก้ว  ดวงแก้ว จักรแก้ว  ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม    ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของขุนคลังแก้ว
ให้นางแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมม้าแก้ว  ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  ดวงแก้ว จักรแก้ว  ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม   ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของนางแก้ว
               ให้ดวงแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมม้าแก้ว  ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว จักรแก้ว     ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม     ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของดวงแก้ว
ให้จักรแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมม้าแก้ว  ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้วดวงแก้ว ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม   ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวม
             ดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของจักรแก้ว
ให้ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรมเป็นประธาน  แล้วรวมม้าแก้ว  ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว  ดวงแก้ว  จักรแก้ว    ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของดวงมรรคผลรวมธาตุธรรมปรมัตถ์ภาคปราบ
ให้ ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   เป็นประธาน  แล้วรวมม้าแก้ว  ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว  ดวงแก้ว  จักรแก้ว  ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม   ดวง และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของดวงมรรคผลรวมธาตุธรรมปรมัตถ์ภาคปราบ
                  ให้ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  เป็นประธาน แล้วรวมม้าแก้ว  ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว  ดวงแก้ว  จักรแก้ว   ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม     และดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของ“รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ” ต่อไป

ยุทธศาสตร์ที่ 2
05:01 wanฎา#_# ให้ม้าแก้ว  เป็นประธาน  มือขวาถือจักรแก้ว  มือซ้ายถือดวงแก้ว  ช้างแก้ว ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว    ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม   ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ” รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของม้าแก้ว
ให้ช้างแก้ว  เป็นประธาน  มือขวาถือจักรแก้ว  มือซ้ายถือดวงแก้ว  ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว   ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม    ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของช้างแก้ว
               ให้ขุนพลแก้ว  เป็นประธาน  มือขวาถือจักรแก้ว  มือซ้ายถือดวงแก้ว  ม้าแก้ว ช้างแก้ว    ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว  ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม   ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30 และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของขุนพลแก้ว
ให้ขุนคลังแก้ว  เป็นประธาน  มือขวาถือจักรแก้ว  มือซ้ายถือดวงแก้ว  ม้าแก้ว ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  นางแก้ว  ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม  ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของขุนคลังแก้ว
              ให้นางแก้ว  เป็นประธาน  มือขวาถือจักรแก้ว  มือซ้ายถือดวงแก้ว  ม้าแก้ว ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว     ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม  ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของนางแก้ว
ให้ดวงแก้ว  เป็นประธาน  มือขวาถือจักรแก้ว  มือซ้ายถือดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม  ม้าแก้ว ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว  นางแก้ว   ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของดวงแก้ว
                ให้จักรแก้ว  เป็นประธาน  มือขวาถือดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุ มือซ้ายถือดวงแก้ว  ม้าแก้ว ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว   นางแก้ว     ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของจักรแก้ว
ให้ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม  เป็นประธาน  มือขวาถือจักรแก้ว  มือซ้ายถือดวงแก้ว  ม้าแก้ว ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว   นางแก้ว     ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30   และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม
              ให้ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30  เป็นประธาน  มือขวาถือจักรแก้ว  มือซ้ายถือดวงแก้ว  ม้าแก้ว ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว   นางแก้ว     ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม    และ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30  
ให้ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”  เป็นประธาน  มือขวาถือจักรแก้ว  มือซ้ายถือดวงแก้ว  ม้าแก้ว ช้างแก้ว  ขุนพลแก้ว  ขุนคลังแก้ว   นางแก้ว     ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม  และดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30  รวมเป็น 1  แล้วซ้อนสับทับทวีเสริมเชื่อมกลั่นเข้าไปในสิบศูนย์ของรวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ
             ต่อไป

ยุทธศาสตร์ที่ 3  
ให้ม้าแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมกลั่นทบต้นทับทวีมรรคผลที่ได้อย่างสมนัยที่ให้ม้าแก้วเป็นประธานตามยุทธศาสตร์ที่ 1  และตาม   ยุทธศาสตร์ที่ 2  ด้วย “วิชชาทะเลกลั่นคำนวณพระมงคลเทพมุนี”  แล้วสลับรวมกลั่นทบต้นม้าแก้วอย่างเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลยกกำลังขอบเขตอนันต์วิชชาเป็น  กับ   “วิชชาทะเลคำนวณกลั่นพระมงคลเทพมุนี”    เสร็จแล้วให้ยกกำลังเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ทับทวีไปเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลในทะเล
                ของอนันต์ในอนันต์ยกกำลังทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ขอบเขตวิชชาเป็น
ให้ช้างแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมกลั่นทบต้นทับทวีมรรคผลที่ได้อย่างสมนัยที่ให้ ช้างแก้วเป็นประธานตามยุทธศาสตร์ที่ 1  และตาม   ยุทธศาสตร์ที่ 2  ด้วย “วิชชาทะเลกลั่นคำนวณพระมงคลเทพมุนี”  แล้วสลับรวมกลั่นทบต้นมรรคผลของม้าแก้ว,ช้างแก้วอย่างเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลยกกำลังขอบเขตอนันต์วิชชาเป็น  กับ   “วิชชาทะเลคำนวณกลั่นพระมงคลเทพมุนี”    เสร็จแล้วให้ยกกำลังเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น     ทับทวีไปเป็นทะเลในทะเลของอนันต์
ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ยกกำลังทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ขอบเขตวิชชาเป็น
                 ให้ขุนพลแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมกลั่นทบต้นทับทวีมรรคผลที่ได้อย่างสมนัยที่ให้ ขุนพลแก้วเป็นประธานตามยุทธศาสตร์ที่ 1  และตาม   ยุทธศาสตร์ที่ 2  ด้วย “วิชชาทะเลกลั่นคำนวณพระมงคลเทพมุนี”  แล้วสลับรวมกลั่นทบต้นมรรคผลของม้าแก้ว , ช้างแก้ว , ขุนพลแก้ว อย่างเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลยกกำลังขอบเขตอนันต์วิชชาเป็น  กับ   “วิชชาทะเลคำนวณกลั่นพระมงคลเทพมุนี”    เสร็จแล้วให้ยกกำลังเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ทับทวีไปเป็นทะเลในทะเล
                ของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ยกกำลังทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ขอบเขตวิชชาเป็น
ให้ขุนคลังแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมกลั่นทบต้นทับทวีมรรคผลที่ได้อย่างสมนัยที่ให้ ขุนคลังแก้วเป็นประธานตามยุทธศาสตร์ที่ 1  และตาม   ยุทธศาสตร์ที่ 2  ด้วย “วิชชาทะเลกลั่นคำนวณพระมงคลเทพมุนี”  แล้วสลับรวมกลั่นทบต้นมรรคผลของม้าแก้ว , ช้างแก้ว , ขุนพลแก้ว , ขุนคลังแก้ว อย่างเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลยกกำลังขอบเขตอนันต์วิชชาเป็น  กับ   “วิชชาทะเลคำนวณกลั่นพระมงคลเทพมุนี”    เสร็จแล้วให้ยกกำลังเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ทับทวีไปเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ยกกำลังทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ขอบเขตวิชชาเป็น
                      ให้นางแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมกลั่นทบต้นทับทวีมรรคผลที่ได้อย่างสมนัยที่ให้ นางแก้วเป็นประธานตามยุทธศาสตร์ที่ 1  และตาม   ยุทธศาสตร์ที่ 2  ด้วย “วิชชาทะเลกลั่นคำนวณพระมงคลเทพมุนี”  แล้วสลับรวมกลั่นทบต้นมรรคผลของม้าแก้ว , ช้างแก้ว , ขุนพลแก้ว , ขุนคลังแก้ว , นางแก้ว      อย่างเป็นทะเลในทะเลของ
                 อนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลยกกำลังขอบเขตอนันต์วิชชาเป็น  กับ   “วิชชาทะเลคำนวณกลั่นพระมงคลเทพมุนี”    เสร็จแล้วให้ยกกำลังเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ทับทวีไปเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ยกกำลังทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ขอบเขตวิชชาเป็น
                 ให้ดวงแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมกลั่นทบต้นทับทวีมรรคผลที่ได้อย่างสมนัยที่ให้ ดวงแก้วเป็นประธานตามยุทธศาสตร์ที่ 1  และตาม   ยุทธศาสตร์ที่ 2  ด้วย “วิชชาทะเลกลั่นคำนวณพระมงคลเทพมุนี”  แล้วสลับรวมกลั่นทบต้นมรรคผลของม้าแก้ว , ช้างแก้ว , ขุนพลแก้ว , ขุนคลังแก้ว , นางแก้ว , ดวงแก้ว อย่างเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลยกกำลังขอบเขตอนันต์วิชชาเป็น  กับ   “วิชชาทะเลคำนวณกลั่นพระมงคลเทพมุนี”    เสร็จแล้วให้ยกกำลังเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ทับทวีไปเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ยกกำลังทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ขอบเขตวิชชาเป็น 
ให้จักรแก้ว  เป็นประธาน  แล้วรวมกลั่นทบต้นทับทวีมรรคผลที่ได้อย่างสมนัยที่ให้ จักรแก้วเป็นประธานตามยุทธศาสตร์ที่ 1  และตาม   ยุทธศาสตร์ที่ 2  ด้วย “วิชชาทะเลกลั่นคำนวณพระมงคลเทพมุนี”  แล้วสลับรวมกลั่นทบต้นมรรคผลของม้าแก้ว ,
                  ช้างแก้ว , ขุนพลแก้ว , ขุนคลังแก้ว , นางแก้ว , ดวงแก้ว , จักรแก้ว อย่างเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลยกกำลังขอบเขตอนันต์วิชชาเป็น  กับ   “วิชชาทะเลคำนวณกลั่นพระมงคลเทพมุนี”    เสร็จแล้วให้ยกกำลังเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ทับทวีไปเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ยกกำลังทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ขอบเขตวิชชาเป็น
                ให้ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม  เป็นประธาน  แล้วรวมกลั่นทบต้นทับทวีมรรคผลที่ได้อย่างสมนัยที่ให้ ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม เป็นประธานตามยุทธศาสตร์ที่ 1  และตาม   ยุทธศาสตร์ที่ 2  ด้วย “วิชชาทะเลกลั่นคำนวณพระมงคลเทพมุนี”  แล้วสลับรวมกลั่นทบต้นมรรคผลของม้าแก้ว , ช้างแก้ว , ขุนพลแก้ว , ขุนคลังแก้ว , นางแก้ว , ดวงแก้ว , จักรแก้ว , ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม อย่างเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลยกกำลังขอบเขตอนันต์วิชชาเป็น  กับ   “วิชชาทะเลคำนวณกลั่นพระมงคลเทพมุนี”    เสร็จแล้วให้ยกกำลังเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น    ทับทวี
              ไปเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ยกกำลังทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ขอบเขตวิชชาเป็น 
ให้ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30  เป็นประธาน  แล้วรวมกลั่นทบต้นทับทวีมรรคผลที่ได้อย่างสมนัยที่ให้ ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30 เป็นประธานตามยุทธศาสตร์ที่ 1  และตาม   ยุทธศาสตร์ที่ 2  ด้วย “วิชชาทะเลกลั่นคำนวณพระมงคลเทพมุนี”  แล้วสลับรวมกลั่นทบต้นมรรคผลของม้าแก้ว , ช้างแก้ว , ขุนพลแก้ว , ขุนคลังแก้ว , นางแก้ว , ดวงแก้ว , จักรแก้ว , ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม , ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม
               30 อย่างเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลยกกำลังขอบเขตอนันต์วิชชาเป็น  กับ   “วิชชาทะเลคำนวณกลั่นพระมงคลเทพมุนี”    เสร็จแล้วให้ยกกำลังเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ทับทวีไปเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ยกกำลังทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ขอบเขตวิชชาเป็น 
ให้ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ”    เป็นประธาน  แล้วรวมกลั่นทบต้นทับทวีมรรคผลที่ได้อย่างสมนัยที่ให้ “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ” เป็นประธานตามยุทธศาสตร์ที่ 1  และตาม   ยุทธศาสตร์ที่ 2  ด้วย “วิชชาทะเลกลั่นคำนวณพระมงคล
                เทพมุนี”  แล้วสลับรวมกลั่นทบต้นมรรคผลของม้าแก้ว , ช้างแก้ว , ขุนพลแก้ว , ขุนคลังแก้ว , นางแก้ว , ดวงแก้ว , จักรแก้ว , ดวงปรมัตถ์มรรคผลรวมธาตุธรรม , ดวงปรมัตถ์บารมีรวมธาตุธรรม 30 , “รวมดวงต้นเครื่องต้นปราบ” อย่างเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลยกกำลังขอบเขตอนันต์วิชชาเป็น  กับ   “วิชชาทะเลคำนวณกลั่นพระมงคลเทพมุนี”    เสร็จแล้วให้ยกกำลังเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ทับทวีไปเป็นทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์วิชชาเป็น   ไร้สิ้นสุดทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ยกกำลังทะเลในทะเลของอนันต์ในอนันต์ขอบเขตวิชชาเป็น
            ต่อไป

ยุทธศาสตร์ที่ 4 
คำนวณวิชชาตามยุทธศาสตร์ที่ 1 และที่ 2  รวมทั้งที่ 3  ไปแค่ไหน  ไกลไปอีกเท่าใด   ละเอียดไปแค่ไหน   ทำให้ใสขึ้นและยึดสิทธิเฉียบขาด อำนาจ บุญศักดิ์สิทธิ์ บารมี รัศมี กำลัง ฤทธิ์ มากขึ้นทุกที  จนกว่าจะยึดสิทธิในธาตุธรรมได้ทั้งหมดถ้ายึดสิทธิธาตุธรรมได้ทั้งหมดแล้ว ก็เอา “บรมพุทธจักรสูงสุดมาใช้ได้”  เมื่อใช้บรมพุทธจักรสูงสุดได้แล้ว  ก็มีอำนาจบังคับให้เกิดบุญศักดิ์สิทธิ์ได้สมใจนึกไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคขัดขวาง
                   เดินวิชชาทับทวีเข้าไปถึงกลางของมรรคผล   ที่แก่ละเอียดหนักเข้าไปอีกทุกที   ยิ่งละเอียดเข้าไปเท่าไร ? ธาตุก็ยิ่งละเอียดหนักขึ้น  แก่หนักขึ้น มรรคผลที่เข้าถึงก็ยิ่งละเอียดพิสดารยิ่งกว่าเดิม   ไปถึงสุดละเอียดใด   ให้ถือเป็นสุดหยาบทุกครั้งเสมอไป   แล้วดับหยาบไปหาละเอียดใหม่  แต่ไม่ได้ทำอยู่ที่เดิม   หากแต่เข้าถึงธาตุและธรรมรวมทั้งนามธรรมที่สูงขึ้นไป  แก่ขึ้นไป   ไม่มีการถอยหลังกลับ  คือ ต้องเดินวิชชาคำนวณวิชชาให้เป็นวิชชาเป็นตลอดเวลาเสมือนดังการหายใจ   อย่าให้เป็นวิชชาตายได้เป็นอันขาด
                  ยุทธศาสตร์ทั้งสี่นี้จัดเป็นยุทธศาสตร์สำเร็จรูป “สัตตะรัตนะสำเร็จ”เวลาจะซ้อนกายรัตนะทั้ง 7 นั้นเราสามารถนึกเรียกการซ้อนกาย  “สัตตะรัตนะสำเร็จ”   รัตนะทั้ง 7 ก็จะซ้อนกายตามแนวยุทธศาสตร์               1 ถึง 4  เป็นอัตโนมัติเสมอไป
      ที่นำมาเสนอนี้เป็นวิชชาในยุคปัจจุบัน  แต่เป็นการตรัสรู้มาแล้วประมาณ  2  ปี  เรียกว่าล้อสมัยไปแล้ว
                  ความรู้ที่จะตรัสรู้ใหม่ในขณะนี้แก่กล้ากว่าอีกมหาศาลนะครับ  แต่ผมนำมาให้อ่านเปิดโลกทรรศน์ให้รู้ว่า  ความรู้ของพระพุทธเจ้าภาคบุญไม่มีสิ้นสุด   ทุกพระองค์เข้านิโรธค้นวิชชารบที่แก่กล้ายิ่งขึ้นไม่ถอยหลังกลับนะครับ
           เราเป็นมนุษย์ที่มาเกิดสร้างบารมี  ต้องพยายามฝึกฝนตนเอง  ทำความเข้าใจวิชชาที่พระองค์ตรัสรู้แล้ว  อย่าให้วิชชาสูญหายในรุ่นของเรานะครับ


                                                                                อจ. วิบูลย์  รัตนพงษ์วัฒนา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น