ขันติบารมีและวิริยะบารมี

การนั่งสมาธิ

ควรต้องนั่งสมาธิในเวลา."ก่อนนอน หรือ  ตอนเช้า"ทำไมแค่อนุโมทนาบุญ กลับเป็นพลังหนุนที่ยิ่งใหญ่เพราะอะไรวิธีการเสริมสร้างอำนาจจิตโดยใช้พลัง" ผู้อื่น "มนุษย์สามารถสร้างอำนาจจิตของตนโดยพลังของ"ผู้อื่น"ได้ 3 วิธีคือ 
1) การอนุโมทนาบุญ 
2) การเสริมสร้างพลังโดยมนุษย์ ผู้ทรงพลัง 
3) การรับพลังทิพย์จากต่างมิติ
1) การอนุโมทนา ในทุกวัน ทุกเวลานาที รังสีจิตทั้งหลายในบรรยากาศจะมีทั้งรังสีหยาบ ละเอียด ดี ชั่ว วิธีที่จะเลือกดูดซับรังสีจิตที่ดี และประณีตให้เข้ามาในตนทำได้ 3 ประการ คือ 
1. เข้าใกล้ผู้มีพลังจิตที่ประเสริฐ ทันทีที่เราเข้าใกล้ผู้มีพลังจิต" อันประเสริฐ "ด้วยความชื่นชม ยินดี อนุโมทนา อานุภาพจิตของท่านจะเหนี่ยวนำเราให้ปรับสภาวะเข้าสู่"ความประเสริฐดั่งท่าน"ด้วย เสมือนเหล็กธรรมดา ที่เข้าไปอยู่ในรัศมีสนามแม่เหล็ก ย่อมถูกเหนี่ยวนำให้เป็นแม่เหล็กอ่อนๆ ได้ด้วยกระนั้น ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าบรมครูจึงตรัสว่า "การพบเห็นสมณะ..เป็นมงคลแห่งชีวิตประการหนี่ง "ในขณะเดียวกันถ้าจิตยังไม่ยิ่งใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับคนที่มีอำนาจจิตทรามด้วย ดังคำสอนเรื่องมงคลแห่งชีวิตประการแรกที่ว่า ชีวิตจะได้ดีนั้น สิ่งแรกเลยที่จะต้องทำให้ได้ คือ อย่าส้องเสพสมาคมกับคนชั่ว คนพาล จงเสวนาสมาคมกับบัณฑิต เมื่อทำได้ดังนี้ ความดีอื่นๆ ในชีวิตก็จะตามมาอีกมากมาย
2. ในทุกขณะจะมีคนทำความดีอยู่เสมอ พึงระลึกถึงบุคคลเหล่านั้น แล้วอนุโมทนาสาธุ การอนุโมทนากับภาวะที่ดีใดจะทำให้ท่านยกระดับจิตของตนให้ใกล้เคียง กับภาวะนั้นด้วย และหากเขาเหล่านั้นอุทิศส่วนกุศลให้เป็นการทั่วไป ซึ่งมีอยู่ตลอดเวลา เมื่อท่านอนุโมทนา ท่านก็จะได้ดูดซับพลังแห่งคุณความดีเข้าไว้ในตนทันที เป็นการทำบุญทางลัดอย่างหนึ่ง บุคคลที่ทำความดีมหาศาลที่เราพึง ระลึก เสมอๆ คือ พระพุทธเจ้า พระสงฆ์ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เพื่อเป็นแบบอย่าง เป็นอาทิ
3. จัดเวลา ฝึกตน ให้สอดคล้องกับท่านผู้มีอำนาจจิต หรือชนส่วนใหญ่จากการวิจัยพบว่าเมื่อคนหลายคนมาฝึกจิตร่วมกัน ในทิศทางการฝึกเดียวกัน อานุภาพจิต โดยรวมในบรรยากาศจะมีพลังมาก อย่างน้อยเท่ากับกำลังสองของจำนวนคน เช่น ฝึกจิตร่วมกัน 9 คน พลังรวม ของรังสี จิตในบรรยากาศจะ เท่ากับ 9 x 9 = 81 คน เป็นต้น ดังนั้นจะเป็นการฉลาดที่จะฝึกตนให้ตรงกับที่คนส่วนใหญ่ในสังคมฝึกหรือตรงกับที่ท่านผู้ทรงพลังจิตฝึกซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วง" 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม " และ  "ตี 3 ถึง 6โมงเช้า "ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว พลังจิตชั่วร้ายใน บรรยากาศจะมีน้อยมาก และพลังจิตอันประเสริฐจะเข้มข้นมาก เพราะเป็นช่วงที่ผู้คนทั้งหลายพักกิจกรรม! และพักผ่อนแล้ว และผู้ฝึกตนกำลังฝึกจิตกันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง"ตอนตี 3 ถึง 6 โมงเช้า"คนส่วนใหญ่ยังหลับอยู่ มีเฉพาะผู้ฝึกตน เท่านั้นที่กำลังทำกิจฝึกจิตกันอยู่ ในเวลาดังกล่าว ถ้าท่านตื่นขึ้นมาฝึกตน ท่านจะได้รับพลังจิตอันประเสริฐอย่างมากมาย(จากหนังสือการเสริมสร้างพลังจิต)
#หมั่นฝึกตน 
#จักเป็นคนที่ได้ธรรมแชร์ต่อให้คนที่คุณรัก เพื่อเป็นอนิสสงแห่งการให้...



             แจ้งผู้ใฝ่รูัธรรมะ

          อริยบุคคล หมายถึงบุคคลผู้ประเสริฐ  ผู้ไกลจากข้าศึก    ผู้หักกงล้อสังสารวัฏได้แล้ว    
 (คือขณะทรงวิชชามารระเบิดไม่แตก)  มี 4 ประเภท  คือพระโสดา    พระสกิทาคามี   พระอนาคามี
  พระอนาคามี  และพระอรหัตต์

         การสอนธรรมในอดีตเมื่อครั้งก่อนที่ท่านอาจารย์แม่ชีถนอม  อาสไวย์  จะมรณะภาพนั้น  เมื่อนักปฏิบัติธรรมท่านใด  ฝึกปฏิบัติกับครูวิปัสสนาจารย์    จนทำใจหยุด  ใจนิ่ง  ใจแน่น  ใจใส  ได้ในระดับ
ที่เห็นดวงปฐมมรรคใสชัดแล้ว   ครูก็จะต่อวิชชา  18  กายให้   ส่วนใหญ่มักจะประสบเหตุการณ์ว่า 
 ครูต่อวิชชาไปได้ไม่กี่กาย  โดยมากต่อไปยังไม่ถึงกายธรรม   การหยุดหนิ่งของใจก็จะสูญเสียไป  
 การเห็นธรรมเลือนราง  จนจางหายไป  คือต่อวิชชา 18 กายไม่สำเร็จ
        อาจจะเกิดจากครูที่สอนยังมีวิชชาไม่แก่กล้าพอ   หรือผู้เรียนผู้ฝึกนั้นเห็นดวงปฐมมรรคไม่ใสพอ  ไม่ชัดพอ   เมื่อถูกธรรมภาคมารสอดละเอียดเข้ามาทำอวิชชาระเบิดดวงเห็น  ดวงจำ  ดวงคิด  ดวงรู้ 
 ของผู้เรียนผู้ฝึกจนแตกพรากจากกัน  โดยครูผู้สอนไม่สามารถคุมใจให้ได้

        ท่านอาจารย์แม่ชีถนอม  อาสไวย์  จึงสอนวิชชาให้แก่ท่านอาจารย์คุณลุงการุณย์   บุญมานุช  เพื่อแก้ไขปัญญานี้   ท่านสอนว่า  เมื่อผู้เรียนผู้ฝึกเห็นดวงปฐมมรรค ใสแจ่มชัดแล้ว  ใจหยุด  ใจนิ่ง  ใจแน่น  ใจใส  อย่างมั่นคงแล้ว   ให้เจาะดวงให้หลุดพ้นจากภพ 3 ก่อน แล้วต่อวิชชาให้เห็นกายธรรมตั้งแต่พระโสดาขึ้นไป    เมื่อไปถึงกายธรรมพระอรหัตต์แล้วก็อาราธนาให้กายธรรมพระอรหัตต์เป็นอุปการะต่อรู้ต่อญาณให้เห็นดวงธรรมของกายมนุษย์หยาบ  แล้วต่อวิชชา  18  กายต่อไปได้โดยตลอดราบรื่น



         อีกอย่างที่ควรทำ

       หลวงพ่อฯบอก ให้บริกรรม สัมมาอะระหัง ฟอร์มไว้ (คือท่องในใจยืนพื้นไว้ตลอดเวลา)เลื่อนใจไป
ตามฐานทั้ง 7 นึกให้ใจหยุด ที่ศูนย์กลางกายให้ได้ 

      จะขี้ เยี่ยว นั่ง ยืน เดิน นอน กระทั่งวิ่ง ก็ท่อง   สัมมาอะระหัง ตลอดเวลา ร้อยครั้ง พันครั้ง หมื่นครั้ง แสนครั้ง ไม่หยุดทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น